วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553

การสร้างผลไม้ไทยให้ขจรไกลไปทั่วโลก

                ช่วงบ่ายปลายเดือนพฤษภาคม 2553 ฝนเริ่มโปรยเม็ดมาตั้งแต่เช้า และยังทิ้งปุยเมฆดำทมึนลอยผ่านไปกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า เป็นสัญญาณที่ดีของเกษตรกรบางกลุ่ม แต่เป็นสัญญาณความเสียหายของเกษตรกรอีกบางกลุ่มเช่นกัน ผลไม้หลายอย่าง เช่น แตงโมโตปิโดที่เคยอยู่ได้นาน ช่วงนี้เริ่มมีปัญหา มะม่วงเริ่มขึ้นจุดง่าย ผักเองก็ช้ำเสียหายง่าย พริกที่มีปัญหาในช่วงร้อนลดปริมาณมีแมลงกัดกินมาก เกษตรกรต้องพึ่งสารเคมี ผู้ส่งออกประสบปัญหาเรื่องของสารพิษตกค้างในการส่งแต่ละครั้ง ในขณะที่หน่อไม้ฝรั่งลดปริมาณลงในช่วงอากาศร้อนอย่างน่าใจหาย และเริ่มเพิ่มปริมาณในช่วงฤดูฝนที่กำลังมาเยือน สิ่งเหล่านี้หมุนเวียนเปลี่ยนไปตามวัฏจักรธรรมชาติอีกรอบปี...
                 ผมได้รับการติดต่อจากลูกค้าจากเกาะเลยูเนียน(Reunion Island) ของฝรั่งเศส เราติดต่อกันมานานกว่า 3 ปี กลับมาครั้งนี้ เพื่อคิดงานส่งผลไม้ใน “ชุดของขวัญของฝากในวันแม่” ไปยังโรงแรมหรูระดับห้าดาว เช่น โรงแรมโนโวเทล (Novotel Hotel) โรงแรมเมอร์เคียว (Mercure Hotel) โรงแรม ไอบิส(Ibis Hotel) ในกรุงปรารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยเริ่มต้นที่วันแม่ (Mother Day) วันอาทิตย์แรกหรืออาทิตย์สุดท้าย ปีนี้ฝรั่งเศส เลือกวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม เป็นวันแม่(Mother Day) กรอบแนวความคิดในการทำงาน (conceptual frame work) เริ่มต้นจากตรงนี้ครับ! เราคิดกันขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี ร่วมประชุมกันหลายครั้งว่าจะทำอย่างไรในการเพิ่มมูลค่าผลไม้และสินค้าไทยอื่นๆ ส่งขายไปทั่วโลกโดยเริ่มต้นที่กรุงปรารีส (Paris) ศูนย์กลางของเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีแฟชั่น วัฒนธรรม และศิลปะ มีความโรแมนติก อันดับต้นของโลก ทุกอย่างถูกคิดอย่างละเอียดพิถีพิถัน และปราณีต เพื่อให้สอดรับกับวัฒนธรรมและความต้องการของผู้คนในเมืองน้ำหอมที่ขึ้นชื่อ พร้อมมีวัฒนธรรมอันเก่าแก่ โดยใช้การเชื่อมโยงอารมณ์ของความรักที่มีต่อแม่หรือคนที่สำคัญเป็นจุดไฮไลท์ ส่งผ่านความสุขด้วยของที่มีคุณค่าและดีที่สุดครบถ้วนสมบูรณ์แบบ สินค้าทุกชนิดที่จะนำมาเป็นของขวัญของฝากคนที่สำคัญที่สุด ต้องเป็นสินค้าที่สวยงาม มีคุณค่า แสดงความรู้สึกทุกแง่ทุกมุมไม่ว่าจะความรัก ความอบอุ่น ความห่วงใย ความระลึกถึงของครอบครัวและคนที่รักเคารพที่มีต่อกัน นี่คือความคิดเริ่มต้นของชุดของขวัญของฝากที่ท่านจะได้เห็นต่อไปนี้ครับ!!!
              อันที่จริงผมมีประสบการณ์ในการทำงานลักษณะนี้มาอย่างต่อเนื่อง กับลูกค้ารายนี้เมื่อ 2 ปีทีผ่านมา หรือ กับลูกค้าที่ เยอร์มัน รัสเซีย ด้วยการรวบรวมเอาสินค้นที่มีลักษระเด่นมารวมกันเป็นชุด ดูเหมือนง่ายแต่ไม่ง่ายอย่างที่คิด ถึงอย่างไร เราได้มีการศึกษาและวิจัยความต้องการที่แท้จริงของวัฒนธรรมผู้บริโภคในแต่ละประเทศ แต่ละตลาดไว้อย่างละเอียดละออครับ ไม่ดุ่ม ๆ ทำตามความพอใจของเรา...
             เราเริ่มต้นคิดกันในเมืองไทย จับจุดผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และถือว่าเป็นผลไม้ในเขตร้อนชื้นที่หายาก ผลไม้ 3 ชนิดที่เลือก คือ มังคุด ที่ทุกคนรู้จักในนามของราชินีผลไม้(Queen of Fruits) มะม่วงน้ำดอกไม้ไทย(Golden Mango) ที่สร้างชื่อเสียงขจรไกลไปทั่วโลก ในขณะที่ เสาวรส(Passion Fruit) เป็นผลไม้ใหม่ที่มีคุณค่าอาหารและเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่กำลังมาแรง เสริมด้วยกล้วยไม้ไทยที่สวยงามให้อารมณ์ความรู้สึกสดชื่น แทนความรัก ความอบอุ่น ความผูกพันธ์ ช็อคโกแลต(Chocolate) คุณภาพสูงสอดใส้ผลไม้ในเขตร้อนชื้นของไทยที่เป็นที่นิยมของคนทั้งโลก ผลไม้แห้งเลิศรสใส่เป็นชุดผสมผสานกันอย่างลงตัว สุดท้าย เทียนหอม แทนแสงสว่างโชติช่วงของชีวิตความรุ่งโรจน์ของครอบครัวจัดสรรวางอย่างลงตัว และเหมาะสมในหลากหลายเทศกาลและโอกาศ เพื่อให้ผู้ให้เกิดความภาคภูมิใจ ผู้รับเกิดความรู้สึก เชิ่อมโยงร้อยรัก สามัคคี ผูกพันธ์ อย่างลึกซึ้งแน่นแฟ้น โดยใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงในชุดสินค้าที่ผลิตในเมืองไทยทั้งสิ้น รวบรวมความเป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูงสุด(Premium)ให้ลงตัว เหมาะสม ทั้งผู้ให้และผู้รับ
                เราเริ่มที่ค้นหาโรงงานผลิตกล่องที่มีแนวคิด และเข้าใจในเนื้องานอย่างพิถีพิถัน จากเนื้อกระดาษ ความแข็งแรง การออกแบบ และความใส่ใจในรายละเอียดตามที่เราต้องการ หลายคนมองว่าง่าย แต่บอกคำเดียวว่าสุดโหด เพราะเนื้อกระดาษที่เบาแต่แข็งแรงตามสเป็คที่ต้องการ ในเมืองไทยไม่ได้ผลิต จึงต้องหาขนาดเทียบเคียง การออกแบบที่สุดคราสสิคลงตัว ทั้งกล่องนอกกล่องใน ต้องพอเหมาะพอดี และเป็นปัญหาสำคัญเพราะถ้าหลวมเพียงมิลเดียว กล่องนี้ก็จะเลื่อนไหลออกและเกิดความเสียหาย ไม่สามารถป้องกันกล่องในได้อย่างสมบูรณ์ กว่าจะทดลองกล่องลงตัว เราก็เปลี่ยนบริษัทที่เป็นมืออาชีพในการผลิต 2 บริษัททีเดียว ซึ่งผมเตือนพนักงานที่มาประสานงาน ว่าในเรื่องของความละเอียดพิถีพิถันของลูกค้ารายนี้กับผมมีความต้องการแนวความคิดที่อิสระและเป็นการระดมความคิดจากผู้ชำนาญงานที่หลากหลาย แต่อาจจะเป็นเพราะผู้ประสานงานยังขาดประสบการณ์ และความรู้ลึก รู้จริงเท่ากับลูกค้าและผมก็เป็นไปได้ จึงไม่สามารถรองรับความต้องการที่ละเอียดปราณีตบรรจงนี้ได้
             ทุกอย่างดูเหมือนจะลงตัวและสมบูรณ์ แต่ปัญหาก็ยังคงดำเนินต่อไป เพราะเรื่องของการทำกล่องตัวอย่างกับการทำจริงมีความคลาดเคลื่อนเนื่องจากเวลาทำตัวอย่างตัดด้วยเครื่องตัด และยังไม่มีแรงกดทับของเครื่องเหมือนเมื่อผลิตจริง ดังนั้นการปรับขนาดจึงเกิดขึ้นซ้ำหลายครั้ง จนผู้ผลิตเองบางครั้งท้อ แต่ผมพยายามอธิบายถึงเป้าหมายสุดท้ายที่เราจะร่วมกันทำงานให้ประสบความสำเร็จในขั้นสูงสุด ในขณะที่ทำงานนั้น ๆ หลายคนอาจจะมองว่าควรจะยืดหยุ่นในหลาย ๆ เรื่อง แต่ผมกลับมองว่าสิ่งเหล่านี้คือจุดแข็งที่ยากต่อการลอกเลียนแบบ และผมถือว่าเป็นจุดสำคัญในการทำธุรกิจในระดับโลก (World class) เมื่อลงตัวเรื่องกล่อง การจัดทำอาร์ตเวิอร์ค ถูกดำเนินการในฝรั่งเศส และส่งไฟล์งานผ่านระบบอินเตอร์เนท รวดเร็วและแม่นยำ เพื่อให้งานออกมาทันวันกำหนดส่ง คือวันที่ 26 พฤษภาคม 2553 ดังนั้น กล่องจำนวนหนึ่งต้องส่งมาที่โรงงานผมในวันที่ 25 ทั้งเซ็ท(set) เพื่อเตรียมขึ้นรูป และเก็บรายละเอียดปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ดูเหมือนจะจบเรื่องกล่อง แต่ไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะกาวที่ติดกล่องนอกนั้น ไม่เหนียวพอกับการติดกล่องที่พิมพ์ด้วยระบบออฟเซ็ท(Offset) เพราะผิวมัน จึงต้องถูกส่งกลับไปหาวิธีในการทำให้รอยที่ปริอออกมาติดสนิทในค่ำคืนนั้น เพื่อให้ทันรุ่งเช้า ทันหมายกำหนดการ เราจองเครื่องการบินไทย TG 930/27 ซึ่งจะออกในช่วงกลางคืน ของจะต้องถึงแอร์พอทร์(Air port) ล่วงหน้าอย่างน้อย 5-6 ชั่วโมงเพราะมีสินค้าที่ต้องผ่านเกษตรหลายตัว
              สินค้าต่างๆ ทะยอยส่งมาที่โรงงาน มะม่วงถูกเตรียมไว้ในขณะที่ฤดูกาลกำลังจะหมด และต้องขนส่งไกลจากเชียงใหม่ แต่ทุกอย่างถูกวางแผนอย่างดี จึงเรียบร้อยพร้อมกับใบรับรองปลอดสารพิษตกค้าง มังคุดเองถือว่าโชคดีที่อยู่ในฤดูกาล และการจัดทำใบรับรองปลอดสารพิษก็เป็นไปตามแผน กล้วยไม้เองก็มีปัญหา เพราะเนื่องจากอากาศร้อน ผลผลิตลดลงทำให้ยุ่งยากพอสมควร แต่ทุกอย่างก็เรียบร้อยลงตัว ด้วยการดำเนินงานอย่างมืออาชีพพร้อมใบรมยาเรียบร้อย โชคโกแลต(Chocolate) ผลไม้อบแห้ง เทียนหอม ทุกอย่างมาตรงตามเวลา ลิฟเลต(Leaflet) ที่พิมพ์ในเมืองไทยใส่เพื่อให้ทุกอย่างสมบูรณ์ที่สุดในระดับมืออาชีพ กว่าทุกอย่างจะลงตัวก็บ่ายคล้อยจวนเจียนเวลาส่งของเต็มที
                เนื่องจากลูกค้าใช้การขายผ่านตามโรงแรมระดับห้าด้าวในกรุงปารีส วิธีการขายจึงใช้การสั่งตามใบออร์เดอร์ และส่งทางไปรษณีย์(Post office) เอกสารรวมทั้งสติกเกอร์ต่าง ๆ จะต้องจัดทำในรูปแบบที่ทางไปรษณีย์ฝรั่งเศสกำหนด ดังนั้นระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างฝรั่งเศสและไทย โดยใช้อินเตอร์เนทจึงเกิดขึ้น การตั้งโปรแกรมเพื่อสั่งพิมพ์จากฝรั่งเศสมาที่ออฟฟิตผมในเมืองไทยจึงเกิดขึ้น โดยที่ลูกค้าหอบเครื่องพิมพ์สติ๊กเกอร์มาจากฝรั่งเศสเอง เพื่อป้องกันการผิดพลาดอันอาจจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาเร่งรีบ ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการตลาดได้อย่างลงตัว สติ๊กเกอร์ที่ใช้อ่านด้วยบาร์โคท จึงสำคัญมากเพราะจะต้องถูกคัดแยกตามระบบการจัดส่งของไปรษณีย์ในฝรั่งเศส
                การทำงานในเกาะเรยูเนียนกับที่บริษัท ใช้ระบบเทเลคอนเฟอเร้นท์ (Teleconferent) แบบเห็นหน้าเห็นตากัน เพื่อติดตั้งระบบการสื่อสารให้ตรงกันในการสั่งพิมพิ์ข้อมูล เราเสียเวลาในการติดตั้งระบบเพียงเล็กน้อย บางส่วนที่ไม่เข้าใจ ทางทีมงานที่ฝรั่งเศสเป็นผู้แนะนำ ผ่านระบบเทเลคอนเฟอรเรนท์ ที่ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมพผัส จริง ๆ ทีมงานทางเรยูเนียมเป็นผู้บันทึกลงในระบบฐานข้อมูลที่เชื่อมต่อกับฐานข้อมูลของระบบไปรษณีย์ที่ฝรั่งเศส เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เครื่องพิมพ์ก็ทำงานพิมพ์ชื่อพร้อมรายละเอียดที่สำคัญตามที่ระบบการคัดแยกพัสดุที่ฝรั่งเศส จำนวน 100 ชื่อถูกสั่งพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ที่นำมาจากฝรั่งเศส ซึ่งที่จริงเครื่องของเราก็สามารถทำงานได้เช่นเดียวกับที่ลูกค้านำมา แต่เนื่องจากเกรงว่าการติดตั้ง และระบบต่าง ๆ อาจจะเกิดปัญหา ลูกค้าจึงนำมาจากฝรั่งเศส ด้านล่าง(โรงแพ็ค) ทีมงานของเรากำลังสาละวนกับการขึ้นรูปกล่องที่ค่อนข้างยุ่งยาก เพราะเป็นกล่องใหม่ และมีความสลับซับซ้อน มีหลายขั้นตอน มีอุปกรณ์มาก จึงเสียเวลาในการขึ้นรูปพอสมควร ด้านมะม่วงและมังคุดถูกจัดเตรียมทั้งขนาด ความสุก และจำนวนถูกคำนวนอย่างละเอียด เพื่อให้ใส่กล่องทั้งหมดได้อย่างลงตัว ไม่ขาด ไม่เกิน เพราะนั้นหมายถึงต้นทุนของเราเองด้วยเช่นกัน กล้วยไม้จากบริษัทที่รับหน้าที่รับผิดชอบมาส่งตรงเวลา ตรงจำนวน ช็อคโกแลตมาส่งล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อวาน พร้อมกับผลไม้แห้ง ส่วนเทียนหอมมาส่งก่อนเป็นสัปดาห์แล้ว เพื่อกันความผิดพลาด
                เรารอ Mr. Roger ที่ต้องกลับไปพัทยา เพื่อนำเอาลิฟเลต(Leaflet)ที่ว่าจ้างทำที่พัทยามา ชั่วอึดใจ ของทุกอย่างก็พร้อม การเริ่มต้นแพ็คก็เป็นไปตามกระบวนการที่เราวางแผนไว้ทุกขั้นตอน ในขณะเดียวกัน ทีมงานด้านจัดเตรียมเอกสาร Invoice, Packing list , Consignee Name ซึ่งจะต้องถูกต้องทั้งข้อความและคำสะกด ถูกจัดพิมพ์ ใน Air Way Bill ใน Phyto sanitary ใน C/O , From A รวมทั้งเอกสารต่างๆ ที่จะต้องนำมาประกอบ มังคุด และมะม่วงจะต้องมี การตรวจสารพิษตกค้างก่อนทำ Phyto กล้วยไม้ต้องมีการรมควัน เพื่อการทำใบ Phyto จะได้ไม่มีปัญหาทั้งในเมืองไทย และที่ปลายทาง แม้ว่าจะยุ่งยาก และมีการเปลี่ยนแปลงชื่อผู้รับหลายครั้ง เพราะบริษัทลูกค้ามอบให้บริษัทที่ให้บริการเคลียร์ของ(Freight Forwarder) และส่งต่อ ไปรษณีย์(Post Office) จึงค่อนข้างมีปัญหา และเปลี่ยนแปลงอยู่หลายครั้ง ที่สุดเอกสารต่างก็ถูกส่งไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการไปตามขั้นตอนก่อนที่ของจะถึงสนามบิน
                ที่สุดสินค้าก็พร้อมโลด(Load)ที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อเวลา 18.00 น. เราใช้สายการบิน TG 930 ซึ่งเป็นไฟท์ตรง(Direct Flight) จากกรุงเทพไปปรารีส ออกจากกรุงเทพ 23.35 น.ถึง ปราริส 06.05 น.ของเช้าตรู่วันถัดไป สินค้าที่เราส่งถูกตรวจสอบทั้งสินค้า การบรรจุ การขนส่ง เอกสารต่าง ๆ อย่างละเอียดเพื่อป้องกันการผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นกับสินค้า แม้แต่การติดใบแอร์เวย์บิล(Air-Way-Bill) เราก็กำชับเจ้าหน้าที่อย่าติดโดนกล่องใน เพราะเมื่อถึงปลายทางสินค้าจะส่งตรงถึงผู้สั่งในสภาพสมบูรณ์ที่สุด ซึ่งดูแล้วให้เกิดความรู้สึกว่าถูกส่งตรงมาทางเครื่องบินจนถึงผู้รับ ความรู้สึกยินดี พึงพอใจจะเกิดขึ้น และรู้สึกว่าสิ่งที่ได้มานั้นมีคุณค่า เป็นคุณค่าที่ได้รับเกินความคาดหวัง เกิดความประทับใจ และภูมิใจ เกิดความภักดี และนึกถึงอยู่ตลอดเวลา ครั้งใดที่ต้องการร่วมแสดงความยินดี ในโอกาสต่าง ๆ ไม่ว่าจะให้ผู้บังคับบัญชา ผู้ที่มีอาวุโส ผู้ที่เคารพรัก หรือแม้แต่เทศกาลต่าง ๆ เช่นขึ้นบ้านใหม่ ฉลองวันเกิด ฉลองการแต่งงาน วันสำคัญ ๆ ของขวัญชิ้นสำคัญที่ไม่อาจจะลืมความทรงจำนี้ได้จะหวนระลึกถึงตรายี่ห้อนี้(Brand)อยู่ตลอดเวลา การเพิ่มยอดขายเป็นไปแบบปากต่อปาก(Word-of-mouth) ผสมผสานการโฆษณาในลิฟเลต(Leaflet)ที่วางไว้ตามโรงแรมระดับห้าดาวในกรุงปรารีส และที่สำคัญเราเตรียมพร้อมขยายตลาดสู่ ยุโรป รัสเซีย และอื่น ๆ ทั่วโลกในที่สุด
                 หากท่านมีสินค้าอยู่ในมือ และยากจะส่งขายไปยังไปต่างประเทศ ลองมานั่งทบทวนสินที่มีอยู่ว่า สินค้านั้น ๆ เป็นสินค้าที่มีคุณค่าในระดับสากล หลายคนมองว่าสินค้าตัวเองดี มีคุณภาพ บางครั้งภาพที่เราเคยชิน เรามักจะเข้าข้างตัวเองเสมอว่าสินค้าเราดี มีคุณภาพ แต่หากมองในสายตาจากคนภายนอกรอบตัวเรา มองจากคนนอกประเทศรอบบ้านเรา (out-side-in) มองจากคนนอกประเทศที่ห่างไกล แตกต่างด้านวัฒนธรรม แตกต่างในด้านความเป็นอยู่ ดังนั้น การกำหนดตำแหน่งของตัวเราเอง สินค้าของเรา เราต้องรู้ด้วยว่าตลาด และความต้องการของแต่ละแห่ง แต่ละประเทศมีวัฒนธรรม ความเป็นอยู่อย่างไร เช่น ในรัสเซียนิยมการให้ดอกไม้ในเทศกาลต่าง ๆ กันมาก แพงแค่ไหนก็ซื้อให้กัน ผู้หญิงรักษาสุขภาพ ชอบแต่งตัว ยุโรปมีความโรแมนติค เป็นประเทศผู้นำทางแฟชั่นมีอารมณ์สุนทรีย์ ดังนั้นสินค้าที่จะนำไปขายจะต้องเข้าถึงอารมณ์ ความสุนทรีย์ และวัฒนธรรมความเป็นอยู่ หากเข้าถึงจิตใจของเขาเหล่านั้นได้ เราก็ดึงเงินจากกระเป๋าเขาออกมาได้มายาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องตั้งอยู่บนความสมเหตุสมผล ความจริง และความพึงพอใจ ที่สำคัญอย่าคิดทำอะไรง่าย ๆ เพราะไม่มีอะไรที่ดีที่สุดแล้วทำง่าย หรืออาจจะมีแต่ก็ถูกกอปปี้และต่อยอดไปเรียบร้อยแล้ว หลายคนถามผมว่าไม่กลัวคนกร๊อปหรือ ผมตอบว่าไม่กลัว เพราะถ้าเข้าสามารถกร๊อปเราและพัฒนาต่อยอดได้ดีกว่าเรา นั่นแหละคืออันตราย เพราะเรากำลังอ่อนล้า อ่อนแรง และหยุดอยู่กับที่ นั่นก็สมแก่เหตุที่ควรถูกแซง
              หลายคนอยากส่งออก หลายคนมีสินค้าที่มีคุณภาพอยู่ในมือ หลายคนส่งออกอยู่แล้ว แต่ยังขาดความรู้ ความเข้ใจ วัฒนธรรม การบริหารจัดการ และการเงิน เพราะการส่งออกนั้นต้องอาศัยทีมงานที่รู้จริงในเรื่องของสินค้า เรื่องของการค้าระหว่างประเทศ เรื่องของวัฒนธรรมของประเทศที่เราจะค้าขายด้วย และต้องมีทุน ปัจจัยเหล่านี้มักถูกละเลย ผมมีเพื่อนในแวดวงส่งออกผักสดผลไม้สดมากมาย หลายคนไม่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาบุคคลากร พอมีประสบการณ์มีความชำนาญมากหน่อยก็ออกมาทำเอง โดยคิดว่าตัวเองรอบรู้หมดทุกเรื่อง ผมเห็นมานักต่อนักแล้วครับ...ไปไม่รอด!! ในขณะที่หลายคนขาดทักษะที่คิดแบบสลับซับซ้อน เพราะคิดว่าผักผลไม้ไม่มีชีวิตจะทำอะไรก็ได้ คิดผิดครับ! หลายคนยังไม่เข้าใจว่าจุดเด่นของสินค้าเกษตรที่ตนเองขาย อยู่ตรงไหน? และก็อีกหลายคนยังค้นหาตำแหน่งตัวเองไม่พบ ว่าอยู่ตรงไหน อันนี้อันตรายครับ การส่งออก ต้องมีประสบการณ์ดี มีวิชาการดี มีทีมงานดี มีการบริหารจัดการดี และมีทุนดี จึงจะอยู่รอดท่ามกลางการแข่งขันการพัฒนาและการลอกเลียนแบบ จะทำอย่างไรให้เกิดการพัฒนาตนเอง พัฒนาสินค้า พัฒนาทีมงานให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น มีคนดีใช้คนดีอย่างมีคุณธรรม มีเทคโนโลยีดีใช้เทคโนโลยีให้คุ้มค่า มีทุนดีใช้ทุนให้เหมาะสม และ มีหลักเกณฑ์ดี(บริหารจัดการดี) ใช้ทรัพยากรข้างต้นอย่างประหยัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด นี่คือคำกล่าวของ ร.ศ.ดร.กุณฑลี รื่นรมย์ หัวหน้าภาคการตลาด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กล่าวก้องในใจผมอยู่ตลอดเวลา และท่านมักจะเสริม เรื่องของการบูรณาการใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตลอดเวลาว่า “แม้ว่าจะมีวิชาการดี มีการบริหารจัดการดี มีทุนดี แต่ถ้าขาดคุณธรรม คือความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ และวินัย จะไม่มีวันนำพาองค์กร ผ่านพ้นวิกฤต การแข่งขันในโลกของการสื่อสารไร้พรมแดนปัจจุบันได้เลย...”